4

เศรษฐกิจ-สังคม

เมื่อวันที่ 18 พ.ย.68 ที่ห้องประชุม "ใต้สุดสยาม" ชั้น 3 อาคารด่านศุลกากรเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา. นางสาวนัยรัตน์ พงศ์ศักดินนท์ นายด่านศุลกากรเบตง ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในการเปิดใช้แอบ TTA เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในการนำยานพาหนะเข้า-ออกประเทศ โดยด่านศุลกากรเบตงตั้งอยู่ใต้สุดแดนสยามเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างประเทศไทยและมาเลเซียซึ่งไม่เพียงแต่เป็นด่านการค้าแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทยสอดคล้องกับนโยบายของกรมศุลกากร โดยอธิบดีกรมศุลกากร นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ได้แถลงต่อสาธารณะ ในการปรับเปลี่ยนการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ศุลกากรให้มีประสิทธิภาพและเพิ่มบทบาทเป็น trade enabler (ผู้สนับสนุนให้เกิดการค้า) social protector

นายด่านศุลกากรเบตง ยังเปิดเผยอีกว่า ด่านศุลกากรเบตง เป็นด่านศุลกากรพรมแดนทางบกซึ่งเราติดกับเมือง เปิงกาลันฮูลู รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซียเพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จะมีพิธีการในการนาเข้าส่งออกนะคะการสินค้านาเข้าส่งออก ด่านพรมแดนจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะเป็นในเรื่องของ CIQ ศุลกากรก็เปรียบเสมือนประตูหน้าด่านที่อยู่ระหว่างประเทศนะคะ C คือ Customs นะคะก็จะตรวจในเรื่องของสินค้าและยานพาหนะใน Immigration ก็ดูแลในเรื่องของคนนะคะส่วน Q คือ Quarantine ก็จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนะคะไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของพืชกับการตรวจพืชนะคะ ในเรื่องของ

การยางแห่งประเทศไทยการตรวจโรคอะไรต่างๆเป็นต้น

ด่านศุลกากรเบตงเป็นด่านพรมแดนทางบกเพราะฉะนั้นในการรองรับนักท่องเที่ยวทั้งที่เป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย

และในพื้นที่ละแวกใกล้เคียงผ่านพรมแดนทางบกมาก็จะมาทางผ่านพิธีการใบขนพิเศษเกี่ยวกับยานพาหนะ

หลังจากที่ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว มาเรียบร้อยแล้ว ในปีหนึ่งจะมียานพาหนะผ่านเข้า-ออก เฉลี่ยละประมาณ

300,000 คันต่อปี เพราะฉะนั้นมีปริมาณค่อนข้างจะเพิ่มสูงขึ้น มียกเว้นอยู่ช่วงเดียวในช่วงโควิด โดยเฉพาะในช่วงวันศุกร์ก็จะมีรถเข้าออกค่อนข้างเยอะนะคะแล้วก็วันอาทิตย์ก็จะออกไปกลับไปนักท่องเที่ยวก็จะเข้าวันศุกร์ท่องเที่ยวในตัวเมืองเบตง และจะกลับออกไปทางประเทศมาเลเซีย ในวันอาทิตย์รถต่างประเทศที่จะเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางด่านพรมแดนทางบก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถทัวร์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย ต้องปฏิบัติตามกฎหมายศุลกากร รถทุกคันต้องถูกจัดทำเอกสารที่เรียกว่า ใบขนสินค้าพิเศษ โดยเจ้าของรถสามารถยื่นเอกสารประกอบเพื่อขอจัดทำใบขนสินค้าพิเศษต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ด่านพรมแดน

เอกสารที่ต้องใช้มี

1 เอกสารทะเบียนรถหรือเอกสารอื่นที่น่าเชื่อถือ และในกรณีผู้เดินทางมิได้เป็นเจ้าของรถ จะต้องมีหนังสือมอบ

อำนาจจากเจ้าของรถที่แสดงเจตนาอนุญาตให้ผู้เดินทางนำยานพาหนะนั้นเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว

2 หนังสือเดินทาง (Passport) ของผู้เดินทางที่ประสงค์จะนำยานพาหนะเข้ามาในราชอาณาจักรที่ผ่านการ

ประทับตราตรวจคนเข้าเมืองแล้ว (กรณีผู้เดินทางมีสัญชาติไทยให้ยื่นเอกสารหลักฐานรับรองถิ่นที่อยู่ใน

ต่างประเทศ หรือการประกอบอาชีพในต่างประเทศ หรือการสมรสกับคู่สมรสต่างประเทศ หรือการศึกษาอยู่ใน

ต่างประเทศ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาด้วย)

3 หนังสืออนุญาตนำรถเข้ามาใช้ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวซึ่งออกโดยกรมการขนส่งทางบก**

ยกเว้น รถของประเทศที่มีความตกลงด้านการขนส่งทางถนน ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และ สปป. ลาว ซึ่งด่าน

ศุลกากรเบตง มีพรมแดนทางบกติดกับประเทศมาเลเซีย จึงได้รับการยกเว้นในส่วนของระยะเวลาที่กำหนด ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขระยะเวลาที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะพิจารณาอนุญาตให้ผู้เดินทางที่ถือหนังสือเดินทางสัญชาติใดสามารถพำนักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลาเท่าใด ถ้า สตม อนุมัติให้เจ้าของรถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลา 30 วัน ทางศุลกากรก็จะอนุมัติระยะเวลาในใบขนพิเศษ 30 วันเช่นกันเพื่อให้ข้อมูลการพำนักในประเทศไทยสอดคล้องกัน

นายด่านศุลกากรเบตง ยังเปิดเผยอีกว่า ด่านศุลกากรเบตง เป็นด่านศุลกากรพรมแดนทางบกซึ่งเราติดกับเมือง เปิงกาลันฮูลู รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซียเพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จะมีพิธีการในการนาเข้าส่งออกนะคะการสินค้านาเข้าส่งออก ด่านพรมแดนจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะเป็นในเรื่องของ CIQ ศุลกากรก็เปรียบเสมือนประตูหน้าด่านที่อยู่ระหว่างประเทศนะคะ C คือ Customs นะคะก็จะตรวจในเรื่องของสินค้าและยานพาหนะใน Immigration ก็ดูแลในเรื่องของคนนะคะส่วน Q คือ Quarantine ก็จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนะคะไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของพืชกับการตรวจพืชนะคะ ในเรื่องของ

การยางแห่งประเทศไทยการตรวจโรคอะไรต่างๆเป็นต้น

ด่านศุลกากรเบตงเป็นด่านพรมแดนทางบกเพราะฉะนั้นในการรองรับนักท่องเที่ยวทั้งที่เป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย

และในพื้นที่ละแวกใกล้เคียงผ่านพรมแดนทางบกมาก็จะมาทางผ่านพิธีการใบขนพิเศษเกี่ยวกับยานพาหนะ

หลังจากที่ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว มาเรียบร้อยแล้ว ในปีหนึ่งจะมียานพาหนะผ่านเข้า-ออก เฉลี่ยละประมาณ

300,000 คันต่อปี เพราะฉะนั้นมีปริมาณค่อนข้างจะเพิ่มสูงขึ้น มียกเว้นอยู่ช่วงเดียวในช่วงโควิด โดยเฉพาะในช่วงวันศุกร์ก็จะมีรถเข้าออกค่อนข้างเยอะนะคะแล้วก็วันอาทิตย์ก็จะออกไปกลับไปนักท่องเที่ยวก็จะเข้าวันศุกร์ท่องเที่ยวในตัวเมืองเบตง และจะกลับออกไปทางประเทศมาเลเซีย ในวันอาทิตย์รถต่างประเทศที่จะเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางด่านพรมแดนทางบก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถทัวร์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย ต้องปฏิบัติตามกฎหมายศุลกากร รถทุกคันต้องถูกจัดทำเอกสารที่เรียกว่า ใบขนสินค้าพิเศษ โดยเจ้าของรถสามารถยื่นเอกสารประกอบเพื่อขอจัดทำใบขนสินค้าพิเศษต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ด่านพรมแดน

เอกสารที่ต้องใช้มี

1 เอกสารทะเบียนรถหรือเอกสารอื่นที่น่าเชื่อถือ และในกรณีผู้เดินทางมิได้เป็นเจ้าของรถ จะต้องมีหนังสือมอบ

อำนาจจากเจ้าของรถที่แสดงเจตนาอนุญาตให้ผู้เดินทางนำยานพาหนะนั้นเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว

2 หนังสือเดินทาง (Passport) ของผู้เดินทางที่ประสงค์จะนำยานพาหนะเข้ามาในราชอาณาจักรที่ผ่านการ

ประทับตราตรวจคนเข้าเมืองแล้ว (กรณีผู้เดินทางมีสัญชาติไทยให้ยื่นเอกสารหลักฐานรับรองถิ่นที่อยู่ใน

ต่างประเทศ หรือการประกอบอาชีพในต่างประเทศ หรือการสมรสกับคู่สมรสต่างประเทศ หรือการศึกษาอยู่ใน

ต่างประเทศ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาด้วย)

3 หนังสืออนุญาตนำรถเข้ามาใช้ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวซึ่งออกโดยกรมการขนส่งทางบก**

ยกเว้น รถของประเทศที่มีความตกลงด้านการขนส่งทางถนน ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และ สปป. ลาว ซึ่งด่าน

ศุลกากรเบตง มีพรมแดนทางบกติดกับประเทศมาเลเซีย จึงได้รับการยกเว้นในส่วนของระยะเวลาที่กำหนด ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขระยะเวลาที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะพิจารณาอนุญาตให้ผู้เดินทางที่ถือหนังสือเดินทางสัญชาติใดสามารถพำนักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลาเท่าใด ถ้า สตม อนุมัติให้เจ้าของรถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลา 30 วัน ทางศุลกากรก็จะอนุมัติระยะเวลาในใบขนพิเศษ 30 วันเช่นกันเพื่อให้ข้อมูลการพำนักในประเทศไทยสอดคล้องกัน

ปัจจุบันเบตงเป็นเมืองท่องเที่ยว มีชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวโดยใช้รถส่วนบุคคลหรือรถท่องเที่ยว ต้องมีผู้มา

ใช้บริการเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวของประเทศมาเลเซีย ศุลกากรมีการอำนวย

ความสะดวกผู้มาใช้บริการอย่างไรบ้าง คะ/ครับ เพื่อให้ผู้มาใช้บริการมีความสะดวกสบายกรมศุลกากรได้สร้างระบบ Thailand Transport Application (TTA) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในการนำยานพาหนะเข้า-ออกประเทศ โดยยื่นข้อมูลผู้ขออนุญาตและยานพาหนะล่วงหน้าทางอินเตอร์เน็ต?โดยนักท่องเที่ยวสามารถยื่นข้อมูลผู้ขออนุญาตและยานพาหนะล่วงหน้าโดยสแกน QR Code/Bar code ที่แนบมาพร้อมนี้และกรอกข้อมูลให้เรียบร้อย เมื่อกรอกเรียบร้อยจะได้เลขอ้างอิง QR Code /Bar code สำหรับนำไปติดต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ด่านพรมแดน เพื่อออกเอกสารใบขนสินค้าพิเศษสำหรับยานพาหนะที่นำเข้า หรือนำออกชั่วคราวต่อไป การส่งข้อมูลล่วงหน้า ผ่านทาง TTA ทำให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาในการดำเนินการน้อยลง โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวที่มีผู้มาใช้บริการจำนวนมากการใช้บริการ ระบบ Thailand Transport Application (TTA) ทำได้ด้วยการเข้าหน้าเว็บไซด์http://tta.customs.go.th โดยต้องไปลงทะเบียนในระบบก่อนจึงจะใช้งานได้ เมื่อลงทะเบียนเสร็จสิ้นเข้าไปหน้าเมนูจะมีเลือก การขออนุญาตยานพาหนะที่เป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และมีเมนูติดตามการดำเนินการว่าถึงขั้นตอนไหน ระบบ TTA .ให้บริการทั้งภาษาไทย สำหรับคนไทยและภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติ

ซึ่งการยกระดับระบบการทำงานที่ด่านศุลกากรเบตงเป็นการพัฒนาระบบการทางานสร้างความเชื่อมั่นให้ทาง

ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยสิ่งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อการค้าการลงทุนและ

รวมไปถึงการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ให้เติบโตขึ้นเท่านั้นแต่ยังช่วยเชื่อมโยงและส่งเสริม

เศรษฐกิจของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้การศุลกากรเบตงยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้การทางานเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็วเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศตามสโลแกนของด่านศุลกากรเบตงนั่นก็คือทาทันทีไม่มีเดี๋ยวที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการให้บริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมั่นใจการพัฒนาด่านศุลกากรโดยตรงไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมการค้าชายแดนไทยแต่ยังสร้างความมั่นคงและความสันติสุขในพื้นที่แสดงภาคใต้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญและเป็นต้นแบบในการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคง

ข่าว..เจษฎา สิริโยทัย จ.ยะลา