ผู้ช่วย รมต.ยุติธรรม ตรวจเรือนจำกลางปัตตานี เดินหน้าสร้างเรือนจำต้นแบบการศึกษา หลังผู้ต้องขังออกจากเรือนจำต้องมีอาชีพ
22 พฤศจิกายน 2568 เวลา 11:00:00
3
ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ตรวจเรือนจำกลางปัตตานี เดินหน้าสร้างเรือนจำต้นแบบการศึกษา สร้างแหล่งเรียนรู้ หลังผู้ต้องขังออกจากเรือนจำต้องมีอาชีพติดตัว ลดทอนการสร้างปัญหาของสังคมไทยหลังพ้นโทษกลับคืนสู่สังคม
ผู้สื่อข่าวปัตตานีรายงาน วันที่ 22 พ.ย. 68 นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม นายโกมล พรมเพ็ง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่ เรือนจำกลางปัตตานี ต.บานา อำเภอเมืองปัตตานี (พื้นที่เขตตรวจราชการ 7) มี นายศรชัย ตลาสุข ผู้บัญชาการเรือนจำกลางยะลา รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานี ตลอดจนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมในพื้นที่ปัตตานี ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดปัตตานี ยุติธรรมจังหวัดปัตตานี ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดปัตตานี และผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับคณะที่ได้เข้าตรวจเยี่ยมภายในเรือนจำปัตตานี พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานภายในเรือนจำกลางปัตตานี อาทิเช่น สถานพยาบาล การดูแลสภาพสุขภาวะผู้ต้องขัง ทั้งด้าน อาหารและสุขภาพ

ทั้งนี้ คณะที่มาตรวจราชการได้เดินเยี่ยมชมห้องแม่และเด็ก การประกอบกิจกรรมของผู้ต้องขังหญิง มีการฝึกทักษะอาชีพเพื่อสร้างรายได้แก่ผู้ต้องขัง หลังพ้นโทษกลับสู่สังคม จากนั้นได้รับฟังผลการดำเนินงานตลอดจนปัญหาอุปสรรคของเรือนจำกลางปัตตานีและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมในพื้นที่ โดยปัญหาสำคัญของเรือนจำขณะนี้คือ เมื่อฝนตกเกิดน้ำท่วมขังเพราะตั้งในพื้นที่ติดทะเลและพื้นที่เสี่ยงภัย ปัญหาเกี่ยวกับการศึกษา ผู้ต้องขังในเรือนจำส่วนใหญ่ไม่ได้รับการศึกษา ไม่สามารถอ่านออกเขียนได้และสื่อสารภาษาไทยไม่ได้ จำเป็นต้องมีการส่งเสริมความรู้ การศึกษาแก่ผู้ต้องขัง โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษาในพื้นที่ รวมถึงการเพิ่มทักษะอาชีพ สร้างองค์ความรู้ด้านอาชีพ ควบคู่การให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของการกระทำความผิดกฎหมายเพื่อลดการกระทำผิดซ้ำ หากพ้นโทษไปแล้ว

นายสิรภพฯ กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการทำงานของกระทรวงยุติธรรม คือ อำนวยความยุติธรรมและสัมผัสแก่ประชาชนโดยเท่าเทียมกัน ทุกหน่วยงานต้องบูรณาการประสานการทำงานร่วมกัน ลดกำแพงความขัดแย้งภายในระหว่างหน่วยงานเพื่อขับเคลื่อนงานอำนวยความยุติธรรมในพื้นที่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน “จากการลงพื้นที่มาทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้เห็นภาพรวมปัญหา และบริบทของแต่ละเรือนจำทั้ง3จังหวัดนั้นแตกต่างกัน ซึ่งภาพรวมค่อนข้างดี สังเกตเห็นคนทำงานในกระทรวงยุติธรรมทำงานอย่างมีความสุข เรื่องที่มีปัญหาก็หาสาเหตุ ส่งเสริมเรื่องที่ทำดีอยู่แล้ว เรือนจำไม่ใช่แค่ดูแลผู้ต้องขังราชทัณฑ์ สิ่งสำคัญคือเมื่อพ้นโทษออกไป สามารถยกระดับ ฟื้นฟู เยียวยาได้ ไปแล้วไม่ให้หวนกลับมาอีก มีระบบติดตามที่บูรณาการร่วมกัน ประสานงานกับโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี มีการคัดกรองตอนเข้าสู่เรือนจำ และมีสถานพยาบาลให้การดูแลรักษาสุขภาพซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก เห็นสายตาผู้ต้องขังราชทัณฑ์ที่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่และผู้ไปเยือน การกล้าสื่อสาร อย่างตรงไปตรงมา

ส่วนเรื่องเร่งด่วนที่ต้องพิจารณา เช่น กรมบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินและที่ดินบางรายไม่ได้มากว่า 10 ปี ด้วยเป็นที่ดินที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอห่างไกล จะเป็นพี่เลี้ยงและหนุนเสริมให้บุคลากรกระทรวงยุติธรรมมีการทำงานที่ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” เรือนจำกลางปัตตานี ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นโยบายหลัก การน้อมนำพระราโชบาย หลักการทรงงาน และเรียนรู้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สร้างความปลอดภัยทางสังคม ชุมชนและครอบครัว และขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาล เตรียมสร้างเรือนจำต้นแบบทางการศึกษาและฝึกทักษะอาชีพให้ผู้ต้องขัง เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพสุจริตยังสถานประกอบการต่างๆ ได้ เมื่อพ้นโทษออกไป ซึ่งจะช่วยลดการกระทำผิดซ้ำ
นอกจากนี้แล้ว สำหรับเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี ปัจจุบันมีผู้ต้องขังซึ่งเป็นคนไทยกว่าพันคน แบ่งเป็นผู้ต้องขังต่างด้าว 36 ราย โดยยอดผู้ต้องขังแต่ละคดี 3 อันดับแรก คือ คดียาเสพติด ,คดีเกี่ยวข้องกับทรัพย์ ,เกี่ยวกับชีวิตร่างกาย.
ทีมข่าวปัตตานี

เริ่มแล้วงาน “ท่ายางดีจัง ครั้งที่ 10” สืบสานศิลปวัฒนธรรมสกุลช่างเมืองเพชร แล ะกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
5
ข่าวประชาสัมพันธ์

พรรคไทยพิทักษ์ธรรม พรรคจากประชาชนเป็นเจ้าของ แถลงข่าว "สร้างโจทย์เลือกตั้ง จะนำไปสู่รัฐล้มเหลวจริงหรือ?!?
87


ตำรวจ ปอศ.ทลายรังจีนเทา เช่าบ้านปั้มพอต (เค) ใจกลางเมืองพัทยา พบหัวพอตกว่า4,900 ชิ้น พร้อมอุปกรณ์การผลิต กว่า10 ล้านบาท







