ชาวพุทธสุดทน !! รวมพลังบุกศาลากลาง ยื่นหนังสื่อถึงผู้ว่าฯเมืองคอน ประสานคณะสงฆ์และสำนักพุทธฯ สึก“สมภาร สายฟาสต์”
16 ธันวาคม 2568 เวลา 10:20:00
15
ชาวพุทธสุดทน !! รวมพลังบุกศาลากลาง ยื่นหนังสื่อถึงผู้ว่าฯเมืองคอน ประสานคณะสงฆ์และสำนักพุทธฯ สึก“สมภาร สายฟาสต์” พ้นจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์
ชาวพุทธสุดทนรวมพลังบุกศาลากลางยื่นหนังสื่อถึงผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช ประสานคณะสงฆ์และสำนักพุทธฯ สึก“สมภารสายฟาสต์” พ้นจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์-หลังก่อเหตุ “เมาแล้วขับ”ซิ่ง BMW.ฝ่าพายุชนวินาศสันตะโร ศาลพิพากษาจำคุก 1 เดือน รอลงอาญา 2 ปี ปรับอีก 10,000. บาท-ชี้คณะสงฆ์ควรสึกพ้นความเป็นพระ ไม่ใช่แค่ปลดพ้นตำแหน่งเจ้าอาวาส หวั่นยังคงสร้างความเสื่อมเสีย มัวหมองต่อพุทธศาสนาอีก พร้อมตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากบัญชีวัด 2 วัดที่เป็นเจ้าอาวาสและรักษาการ รวมทั้งเงินบริจาคอ้างช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่เกือบ 2 ล้าน
วันนี้ (16 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 16 ธ.ค. 2568 ได้มีประชาชนชาวพุทธใน ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 30 คนเดินทางมารวมตัวบริเวณลานจอกดรถหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อยื่นหนังสือถึงนายสมชาย ลีหล้าน้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ประสานสำนักพุทธศาสนาและคณะสงฆ์จังหวัดนครศรีธรรมราช พิจารณาสึกพระครูสมุห์ฟิสิทธิ์ อนาลโย (ช่วยตรึก) พระวินยาธฺการ (ตำรวจพระ) อดีตเจ้าอาวาสวัดคงคาเลียบ หมู่ 3 ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และอดีตรักษาการวัดนาวง หมู่ 5 ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พ้นจากความเป็น หลังจากคณะสงฆ์ปลดจากเจ้าอาวาสวัดคงคาเลียบและรักษาการเจ้าอาวาสวัดนาวง โดยที่นายไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวอาวุโส ปรพะธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.ชมรม/สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช นายธวัฒนพล ประเสริฐรติกุล เจ้าของเพจ “พี่หลวงย้อยมาแล้ว” เป็นแกนนำเรียกร้องและยื่นหนังสือร้องเรียน

นายไพฑูรย์ อินทศิลา กล่าวว่า พระพระสิริคณาจารย์)เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชได้มีคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดนครศรี ธรรมราช ที่ จจ.นศ. 66/2568 เรื่อง ให้พระสังฆาธิการออกจากตำแหน่งหน้าที่ ตาม หนังสือ ที.จอ.มนศ.14/2568 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2568 , สำเนาตามหนังสือ ที่ จต.ปพ. 02/2568 ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2568 และ สำเมาตามหนังสือ ที่ ดช.2223 (นศ).47/14999 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 กรณีพระครูสมุห์พิสิทธิ์ ฉายา อนาลโย ( เจ้าอาวาสวัดคงคาเลียบ ตำบลปากพูน (ต.ท่าชัก) อำเภอเมืองนครศรีฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช ทำผิดอาญา ฐานชับรถในขณะเมาสุราหรือเมาอย่างอื่น และได้เฉียวชนรถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนปากนครได้รับความเสียหาย จำนวน 4 คัน ตรวจวัดระดับแอลกอ ฮอล์ในร่างกาย โดยวิธีเป่าลมหายใจ จำนวน 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กำหนด
พนักงานสอบสวนได้นำตัว พระครูสมุห์ฟิสิทธิ์ อนาลโย (ช่วยตรึก) ส่งฟ้องศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชและศาลพิจารณาตัดสินโทษจำคุกและปรับ ส่วนโทษจำคุกให้รอลงอาญาและควบคุมความประพฤตินั้น ให้เจ้าคณะจังหวัดพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ เจ้าคณะจังหวัด พิจารณาแล้ว เห็นว่า พระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย (ช่วยตรึก) ประพฤติปฏิบัติไม่เหมาะสมในสภาวะภิกษุและหย่อนความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่เจ้าอาวาส อาศัยอำนาจตามความในข้อที่ 41 แห่งกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 24 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอน พระสังฆาธิการออกตามความโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่2 ) พ.ศ.2535 จึงให้พระครูสมห์พิสิทธิ์ ฉายา อนาลโย ออกจากตำแหน่งหน้าที่เจ้าอาวาสวัดคงคาเลียบ ตำบลปากพูน (ต.ท่าชัก) อำเภอเมือง จังหวัดนดรศรีธรรรมราช ด้วยเหตุว่าหย่อนความสามารถไม่อาจปฏิบัติ หน้าที่ในตำแหน่งเจ้าอาวาสของตน ตามกฎหมายกฎมหาเถรสมาคมและพระวินัยได้ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 14 ธันวาคม พุทธศักราช 2568

ทางด้าน นายธวัฒนพล ประเสริฐรติกุล เจ้าของเพจ “พี่หลวงย้อยมาแล้ว” กล่าวว่ากลุ่มประชาชนชาว ต.ท่าซัก อ.เมือง และชาวพุทธ ต่างวิพากวิจารณ์การดำเนินการในเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นที่ตามหลักการปฏิบัติของพนักงานสอบสวน เมื่อพระภิกษุสงฆ์ระดับพระสังฆาธิการและพระวินยาธิการกระทำความผิด โดยในกรณีนี้เมื่อเกือบเที่ยงคืนของวันที่ 24 พ.ย. 2568 พระครูสมห์พิสิทธิ์ ฉายา อนาลโย ได้ขับรถยนต์เก๋ง BMW สีขาว ในขณะมึนเมาจนเกิดอุบัติเหตุชนรุนแรง ทำให้รถชาวบ้านเสียหายมากถึง 4 คัน โดยมีภาพ/คลิปเหตุการณ์ปรากฏชัดเจน หลังเกิดเหตุยังมีความพยายามจะเปลี่ยนแปลงคนขับเป็นวัยรุ่นลูกศิษย์ของพระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย แต่สื่อมวลชนได้นำเสนอคลิปเหตุการณ์ที่ปรากฏชัดว่าพระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย เป็นคนขับรถจึงไม่กล้าเปลี่ยนตัวคนขับ และเมื่อตำรวจตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์โดยวิธีเป่าลมหายใจ จำนวน 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กำหนด ในทางปฏิบัติพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อกล่าวหา และแจ้งคณะสงฆ์ให้มาพิจารณาทำการสึกจากความเป็นพระภิกษุ ก่อนจะนำตัวไปส่งฟ้องศาล แต่เมื่อนำฟ้องศาลทั้งที่ยังเป็นพระภิกษุ จึงเป็นประเด็นที่ศาลไม่อาจจะพิพากษาจำคุกพระภิกษุได้ โทษจำคุกจึงรอลงอาญา 2 ปี ปรับ 10,000 บาท รายงานตัว 4 ครั้งและบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ 12 ชม.
“คณะสงฆ์จึงควรจะมีคำสั่งให้สึกพ้นจากความเป็นพระเพื่อปกป้องไม่ให้พระพุทธศาสนาและวงการสงฆ์ได้รับความเสื่อมเสียจากการกระทำของพระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ และยังเรียกร้องให้คณะสงฆ์มีการพิจารณามีคำสั่งสึกขาดจากความเป็นพระ และตรวจสอบการใช้จ่ายเงินวัดคงคาเลียบ ซึ่งพระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย เป็นเจ้าอาวาส และวัดนาวง ซึ่งพระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย รักษาการเจ้าอาวาสวัดนาวง และยังดำรงตำแหน่งพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) อีกด้วย รวมทั้งตรวจสอบการเปิดรับเงินบริจาคอ้างช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ ซึ่งมียอดบริจาคสูงเกือบ 2 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ค่าเสียหายในการซ่อมแซมรถของชาวบ้านไม่น้อยกว่า 3-4 แสนบาท แค่มีคำสั่งปลดพ้นจากเจข้าอาวาสวัดคงคาเลียบ คงไม่เพียงพอ โดยตำแหน่งพระวินยาธิการยังคงอยู่หรือไม่”
และพนักงานสอบสวนได้มีการดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนกฎหมายครบถ้วนหรือไม่ ทั้งการดำเนินคดีกับคนที่พยายามขอเปลี่ยนตัวคนขับเพื่อช่วยเหลือพระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย และจาการตรวจสอบกับสำนักงานขนส่งทราบว่ารถเก๋ง สีแดง ไม่ใช่สีขาวเหมือนตอนเกิดเหตุ การเปลี่ยนสีรถไม่ได้แจ้งสำนักงานขนส่งตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดชาวบ้าน ต.ท่าซัก และชาวพุทธ จะระดมทีมกฎหมายเพื่อยื่นหนังเรียกร้องไปยังสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาเถรสมาคม และคณะสงฆ์จังหวัดนครศรีธรรมราช หากเพิกเฉย เตะถ่วง ล่าช้า ก็จะยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อเอาผิดกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

สำหรับข้อเรียกร้องในหนังสือร้องเรียนนอกจากขอให้พิจารณาสึกพระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย พ้นจากความเป็นพระแล้ว ยังระบุให้มีการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากบัญชีของวัดคงคาเลียบและวัดนาวง รวมทั้งการเปิดรับบริจาคเงินและสิ่งของอ้างนำไปช่วยเหลือผู้ประภัยน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีผู้ร่วมบริจาคเงินสดและสิ่งของจำนวนมาก และพระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย ได้โพสต์ในเฟซบุ๊คว่า “มีผู้ร่วมบริจาคเงินสดสูงถึง 1.8 ล้านบาท” ซึ่งเชื่อว่ามีการนำเงินบริจาคไปใช้จ่ายส่วนตัวโดยเฉพาะการจ่ายค่าเสียหายในทางคดี “เมาแล้วขับ” ซึ่งต้องจ่ายค่ารถยนต์ของชาวบ้านที่พังเสียหายยับเยินไม่น้อยกว่า 3 แสนบาทด้วย
นอกจากนี้ในหนังสือร้องเรียนยังระบุให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาสอีก 3-4 วัดที่กระความผิดกฎหมายอาญาและวินัยสงฆ์ อาทิ เจ้าอาวาส วัดแห่งหนึ่งใน ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช แปลงกายเป็นฆราวาสไปนั่งดื่มสุรา อาหารในร้านข้าวต้มกลางเมืองสุราษฏร์ธานี ชาวบ้านสามารถถ่านคลิปเป็นหลักฐานได้ และกรณีเจ้าสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน อ.เฉลิมพระเกียรติ แอบตีท้ายครัวเมียน้อยฝรั่งใน จ.ภูเก็ต ,กรณีเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ใน ต.นาสาร อ.พระพรหม ดื่มสุรา เสพกัญชาและเสพเมถุน เป็นต้น แต่ละเรื่องได้มีการส่งร้องเรียนไปยังสำนักพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์จังหวัดนครศรีธรรมราชนานหลายเดือนแล้ว แต่เรื่องกลับถูกเพิกเฉย เตะถ่วง เงียบหาย ไม่มีการดำเนินการใด ๆ แม้แต่น้อย
ต่อมา นายสมชาย ลีหล้าน้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มอบหมายให้นายวิทยา เขียวรอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมและเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงมารับหนังสื่อเรียกร้องและรับปากว่าจะประสานทุกภาคส่วนที่รับผิดชอบเกี่ยวข้องมาหารือพร้อมตรวจสอบอย่างเร่งด่วนใน 2 กรณี ประกอบด้วย กรณีความผิดในคดีอาญา และความผิดทางวินัยสงฆ์ ซึ่งจะดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาไม่เข้าด้วยช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์ที่กระทำผิดอย่างแน่นอน ท่ามกลางความพึ่งพอใจของชาวบ้านก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปด้วยความสงบเรียบร้อย.
ทีมข่าวนครศรีธรรมราช

ฟรีจ้า !! แห่รับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมจากมูลนิธิกาญจนบารมี มูลนิธิกาญจนบารมี
2
ข่าวประชาสัมพันธ์

ศาลอาญา สั่งคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา "จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์"อดีตสส.ประชาชน ใช้เอกสารใบสด.43 ปลอม
3


ไรเดอร์เผยนาทีสลด !! ป้าวัย 64 ปี ขี่รถจยย.ถูกกระบะเฉี่ยวล้มก่อนเหยียบซ้ำ ป้ามองหน้าก่อนสิ้นใจ เสียใจที่ช่วยไม่ทัน







